นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ยามาฮ่ามีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่ปี 2020 ที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากผลิตภัณฑ์ยามาฮ่าลง 16% และภายในปี 2050 ตั้งเป้าที่จะลดลงให้ได้ถึง 90% ซึ่งแผนการที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของผลิตภัณฑ์ยามาฮ่า ในระยะยาวส่งเสริมการใช้ยานพาหนะขนาดเล็ก รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้มาใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ EV
บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ ได้นำ “ยามาฮ่า E01” รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขนาด 125 ซีซี ที่เคยเผยโฉมสู่สายตาชาวไทยเป็นครั้งแรกในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และล่าสุด ยามาฮ่า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้จัดงาน Global Press Conference YAMAHA E01 เพื่อให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังความเห็นและข้อมูลของผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อการทดสอบและวิเคราะห์การใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ
สำหรับวัตถุประสงค์ของกิจกรรม E01 ในประเทศไทยเพื่อเป็นการสร้างยามาฮ่า EV แบรนด์ในประเทศไทย การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในไทย และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่มีความริเริ่มสร้างสรรค์รวมทั้งการนำเสนอความพิเศษของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากยามาฮ่า ผ่านกิจกรรม E01 POC เพื่อนำข้อมูลจากการทดสอบขับขี่มาพัฒนาและต่อยอดต่อไปภายในอนาคต
ด้วยขนาดของยามาฮ่า E01 สะดวกสบายและเทียบเท่ารถจักรยานยนต์คลาส 125 ซีซี (อ้างอิงจากยามาฮ่า N MAX 125 ในยุโรป) ตำแหน่งท่านั่งขับขี่สะดวกสบายโดยความยาวของรถอยู่ที่ 1,930 มมคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. มีที่เก็บของใต้เบาะความจุ 23 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกได้ ความสูงเบาะ 755 มม. ช่วยให้ผู้ขับขี่ขึ้นลงได้อย่างสะดวกและขาถึงพื้นได้มั่นใจ
ยามาฮ่า E01 ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ขนาดใหญ่ 4.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 8.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่ 5,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 30.2 นิวตัน-เมตร ที่ 1,950 รอบ สามารถวิ่งได้สูงสุด 130 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน WMTC คลาส 1 ในยุโรป และสามารถเลือกชาร์จแบตเตอรี่ได้ 3 รูปแบบ เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน ได้แก่ เครื่องชาร์จแบบเร็ว จาก 0-90% ได้ภายใน 1 ชั่วโมง, เครื่องชาร์จแบบปกติ จาก 0-100% ได้ภายใน 5 ชั่วโมง ที่แรงดันไฟฟ้า 200V (เข้ากันได้กับเต้ารับ 200-240V ในประเทศต่าง ๆ) และเครื่องชาร์จแบบพกพา จาก 0-100% ได้ภายใน 14 ชั่วโมง ที่แรงดันไฟฟ้า 100V (200–240V)
มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 ระดับเพื่อความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขณะใช้งาน และไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่แตกต่างกัน ได้แก่โหมดเพาเวอร์ สำหรับการขับขี่ที่ดึงกำลังสูงสุดของมอเตอร์ออกมาเหมาะสำหรับการขี่ขึ้นเนินและการเร่งแซง โหมดมาตรฐาน (STD) เหมาะกับการขับขี่ทั่วไปที่ใช้บ่อยที่สุดในช่วงความเร็ว 30-80 กม./ชม. และโหมดอีโคประหยัดพลังงานและเดินทางได้ระยะไกลขึ้น เพื่อจำกัดการใช้พลังงานแบตเตอรี่และจำกัดความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 60 กม./ชม.
สำหรับการทดสอบครั้งนี้ทาง “เดลินิวส์” ได้ร่วมทดสอบและสัมผัสกับสมรรถนะของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายามาฮ่า E01 ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระยะทางเกือบ 30 กม. บนเส้นทางทั้งลาดและชัน โดยรถทั้ง 40 คัน พร้อมนักบิดเดี่ยวและที่มีคนซ้อนท้าย ออกเดินทางจากโรงแรมคีรีมายา แบบขับคู่ให้รู้ฟิลลิ่งการบิดเหมือนใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยเบาะที่ดีไซน์ออกมาทำให้คนตัวเล็กขาสั้นก็สามารถนั่งสบายไม่เทอะทะ แม้ว่าไม่ได้ขับรถจักรยานยนต์มานาน ยังมั่นใจว่ายังไงก็เอาอยู่ตำแหน่งที่วางเท้าเหมาะเจาะเช่นเดียวกับ N MAX
เมื่อเริ่มขับไปบนเส้นทางขึ้นอุทยานฯ รถทุกคันขับเรียงเดี่ยวช่วงแรกต้องระมัดระวังเพราะถนนมีทั้งคดเคี้ยว ลาด ชัน ครบเครื่องให้เจ้า E01 ได้แสดงพละกำลังการขับด้วยไฟฟ้า 100% ดั่งใจ ทั้งอัตราเร่งไม่ตกทั้ง ๆ ที่ใช้โหมด STD เท่านั้น สามารถบิดเกาะติดกลุ่มของนักซิ่งสายประจำได้สบายมาก เพราะการจัดวางตำแหน่งแบตเตอรี่และศูนย์ถ่วงต่ำทำให้รถมีความสมดุลและเกาะถนนมากขึ้นคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
หลังจากชมวิวอิ่มตาอิ่มใจ ขบวนยามาฮ่า E01 ขับย้อนกลับลงเส้นทางเดิม แล้วลองเปลี่ยนมาใช้โหมดเพาเวอร์บ้าง รู้สึกได้ถึงอารมณ์สปอร์ตหนักแน่นมากขึ้น แต่ไม่ได้บิดซิ่งหวือหวา เพราะเทคโนโลยีและการพัฒนารถคันนี้ขึ้นมาระดับหนึ่งที่สามารถใช้งานได้จริงมีความปลอดภัย เชื่อว่าหลังจากผลิตมา 500 คัน เพื่อเป็นรถทดสอบและเสร็จภารกิจเรียบร้อยแล้ว คาดว่ารถที่ผลิตออกมาขายในอนาคต จะเป็นรถที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคโดยแท้อย่างแน่นอน.